ไพลินคืออะไรและการเลือกซื้อ

ไพลินคืออะไรและการเลือกซื้อ

 

ไพลิน (Blue Sapphire) หนึ่งในอัญมณีที่มีราคาแพงที่สุดในโลก มีจากหลายแหล่งทั่วโลก ไพลิน คือพลอยแซฟไฟร์ (Sapphire) ในตระกูลแร่ Corundum (คอรันดัม) ที่มีสีน้ำเงินเป็นสีหลัก โดยมีโทนสีตั้งแต่ฟ้าอ่อน น้ำเงินอมเขียว จนถึงโทนน้ำเงินเข้ม 

 

 

พลอย Blue Sapphire นั้นมีหลายชื่อเรียกเช่น ไพลิน นิลกาฬ เป็นต้น หรือบางครั้งในตลาดการค้าอัญมณีอาจจะได้ยินคำว่า “พลอยน้ำเงิน” ก็หมายถึงพลอยชนิดนี้เช่นกัน โดยไพลินเป็นหนึ่งในตำราพลอยนพเก้า “หมอกเมฆนิลกาฬ” และยังเป็นพลอยประจำเดือนเกิดของเดือน กันยายน อีกด้วย พลอย Sapphire นั้นในตลาดจะถือว่าเป็นพลอยในกลุ่ม พลอยเนื้อแข็ง หรือ Precious stone เนื่องจากมีค่าความแข็งรองจากเพชร โดยค่าความแข็งของเพชรคือ 10 และ Sapphire เป็น 9 ใน MOH Scale พลอย Blue Sapphire เป็นพลอยในตระกูลผลึกแร่ Hexagonal โดยมีหน้าตัดผลึกเป็นรูปหกเหลี่ยม และเป็นพลอยที่มีค่าความหักเหแสงแบบคู่ (Double Reflactive) ชนิดมี สีแฝด (Pleochrorism) หรือการให้สีคนละสีเมื่อมองจากด้านหน้าและด้านข้างหรือมองผ่านเลนส์โพลาไรซ์แกนแนวตั้งและแนวนอน โดยพลอยแซฟไฟร์นั้นจะมีค่าความถ่วงจำเพาะที่ 4.00 (+0.1-0.05) จึงทำให้พลอยแซฟไฟร์นั้นมีความ สวยงาม คงทน และเป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาด

คุณสมบัติของแซฟไฟร์

Group , Variety

Corundum , Sapphire

Mineral

Aluminium oxide,AI2O3 

Crystal System

Hexagonal

Hardness (MOH)

9

Refraction

Double refraction with Pleochroism

Refractive Index

1.762-1.770

Birefringence

0.008-0.010

Specific Gravity

4.00

 
 

Blue Sapphire แซฟไฟร์สีน้ำเงิน (ไพลิน)

สีต่าง ๆ ของแซฟไพร์เกิดจากแร่ธาตุชนิดต่างๆ โดยสีน้ำเงิน ของไพลินเกิดจากธาตุเหล็ก และไททาเนียม สีของ ไพลินที่ถือว่าสวยงามที่สุดคือสีน้ำเงินเข้มสด และมีสี ม่วงอมเล็กน้อย มีความมืดสว่างปานกลาง หรือที่เรียกกันว่าสี Corn Flower Blue โดยแหล่งที่พบไพลินสีนี้และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งแหล่งที่ดีที่สุดในโลกคือ Kashmir Sapphire จากแคว้น แคชเมียร์ ไพลินจัด เป็นแซฟไฟร์ที่ได้รับความนิยมมาก ทําให้ค่อนข้างมี ราคาสูง รองลงมาเป็นบุษราคัมเขียวส่อง ส่วนชนิด แซฟไฟร์อื่นๆ จัดเป็นแร่รัตนชาติสําหรับการสะสมก็ว่าได้ แต่ก็หาไม่ได้ง่ายนัก และอาจมีราคาแพงได้เช่นกัน เช่น พัดพารัดชา แซฟไฟร์สีม่วง สีชมพู เป็นต้น และ ก็เช่นเดียวกันกับรัตนชาติชนิดอื่นๆ ที่คุณภาพ คุณค่า ราคาขึ้นอยู่กับสี ความสดใสไร้ตําหนิ การเจียระไน และ น้ำหนัก แหล่งผลิตแซฟไฟร์ที่สําคัญของโลกโดย เฉพาะไพลินในปัจจุบันนี้ได้แก่ ออสเตรเลีย ศรีลังกา ไทย พม่า มาดากัสการ์ เป็นต้น 

 

 

 

แหล่งที่มาของไพลิน Origin of Blue Sapphire

ไพลิน หรือ Blue Sapphire นั้นสามารถแบ่งตามแหล่งที่มาต่างๆที่มีความนิยมได้ประมาณนี้

 

  1. ไพลินแคชเมียร์ หมายถึงไพลินที่มีสีเหมือน ไพลินที่มาจากแหล่งแคชเมียร์ ประเทศ

อินเดียซึ่งจัด เป็นแหล่งที่มีไพลินสวยงามเป็นหนึ่งในอดีต แต่ใน ปัจจุบันนี้ไม่มีการผลิตจากแหล่งนี้แล้ว แต่ยังคงใช้ เป็นชื่อเรียกไพลินจากแหล่งต่างๆ ที่มีสีแบบนี้ว่า “แคชเมียร์แซฟไฟร์"สีที่สวยงามของแคชเมียร์แซฟไฟร์ คือ สีน้ำเงินอมม่วงเล็กน้อย คล้ายกับสีดอกอัญชัน (Cornflower blue) และมองดูมีเนื้อนุ่มนวลเหมือน ผ้ากํามะหยี่ มีโทนสีมืดปานกลาง แต่พลอยชนิดนี้จะ ไม่โปร่งใสเลยทีเดียวโดยจะมีลักษณะเหมือนหมอก (Cloudy) จึงมีผลกระทบต่อความสุกใส ประกายแวววาวของพลอยทําให้พลอยดูเหงาซึมเซา ที่จริงแล้วไพลินระดับนี้นานๆ ครั้งจะพบมีขายในท้อง ตลาด ไพลินจากแหล่งศรีลังกา ไทย พม่า เขมร ก็ อาจมีสีนี้ได้เช่นกัน 

 

  1. ไพลินพม่า หมายถึงไพลินที่มาจากพม่า ซึ่งจัดว่าสวยงามมากเช่นกัน คุณภาพ ไพลินพม่านี้ ใช้เป็นระดับคุณภาพในการซื้อขาย ในอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ สีที่สวยงามของไพลินพม่าคือ สีน้ำเงินเข้มอมม่วงเล็กน้อย มีโทนสีมืดปานกลาง เช่น เดียวกับแคชเมียร์ แต่ไม่มีความนุ่มนวล เหมือนกํามะหยี่ สีน้ำเงินเข้มที่เรียกว่า สีรอแยลบูล (Royal blue) สีน้ำเงินของไพลินพม่านี้จัดเป็น สีน้ำเงินที่ขรึม แต่จะขาดความสุกใส ประกายมีชีวิต ชีวาไปเล็กน้อย ไพลินจากแหล่งไทย ศรีลังกา เขมร ก็มีสีแบบนี้ได้เช่นกัน ข้อแตกต่างขอไพลินแคชเมียร์ และไพลินพม่าคือ ไพลินพม่าไม่มีลักษณะเนื้อนุ่มนวล แบบกํามะหยี่เหมือนไพลินแคชเมียร์ 

 

  1. ไพลินมาดากัสการ์ มาจากประเทศมาดากัสการ์ หรือบางครั้งเรียก น้ำเงินมาดา หรือ น้ำเงินอาฟ ที่มาจากคำว่า แอฟริกา โดยไพลินจากแหล่งนี้มีสีสวยงดงามและบางเหมืองของที่นี่ยังให้พลอยแซฟไฟร์ที่มีแร่เหล็กต่ำเหมือนกับไพลินจากศรีลังกาอีกด้วยแต่มีร่ค่ที่ย่อมเยาว์กว่าเลยทำให้พลอยจากแหล่งมาดากัสการ์กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

 

  1. ไพลินไทย จัดเป็นไพลินที่มีราคาถูกรองลงมาโดย เฉพาะในอเมริกาไพลินไทย จะมีราคา

ค่อนข้างต่ำ สีที่ว่านี้คือ สีน้ำเงินดํามืดเหมือนน้ำหมึก สีค่อนข้างมืด ทําให้พลอยดูดํามืดทั้งเม็ด หรือที่เรียกว่าสี Indigo Blue บางครั้งก็มี สีเขียวปน แต่บางครั้งอาจมีลักษณะเนื้อเหมือน กํามะหยีปนบ้าง สําหรับไพลินไทยจากแหล่งกาญจนบุรี ส่วนใหญ่จะมีสีน้ำเงินเข้มและมีความขุ่นขาวเป็น ตําหนิปนอยู่ตามโซนสี ทําให้พลอยดูมีประกายวาว มากขึ้น แต่ถ้าลักษณะความขุ่นขาวมีมากตลอดทั่ว ทั้งเม็ดพลอย จะทําให้พลอยนั้นดูไร้ประกาย หรือ ด้านมัว ไพลินจากแหล่งกาญจนบุรีมีลักษณะโดย ทั่วไปคล้ายไพลินศรีลังกา โดยเฉพาะมีโซนสีหรือ แถบสีที่เด่นชัด 

 

  1. ไพลินศรีลังกา หรืออีกชื่อหนึ่งคือไพลิน ซีลอน  จัดเป็นสีน้ำเงินสวย มีประกาย มีชีวิต

ชีวา เป็นสีน้ำเงินที่มีความเข้มน้อยกว่า ไพลิน พม่า ไพลินซีลอนมีโทนสีอ่อนกว่าไพลินพม่าด้วย ทําให้ดูสุกใสมีประกายกว่า ที่พบสีสวยเหมือนไพลิน แคชเมียร์ก็มี ไพลินซีลอนได้จากพลอยก้อนสีขาวขุ่น เหมือนน้ำนม มีจุดสีน้ำเงินอยู่ในเนื้อนําไปเผาจะให้ พลอยสีน้ำเงินทั้งสวยและไม่สวย ที่สวยก็นํามาขาย เป็นไพลินซีลอน ส่วนที่เผาแล้วไม่สวยก็จะได้เป็นสี ฟ้าอ่อนใสหรือขาวไปเลยซึ่งไม่ค่อยมีราคานัก เรียก ตามภาษาชาวบ้านว่าไพลินซีลอนเผาไม่ออก 

 

  1. ไพลินออสเตรเลีย มีสีน้ำเงินมืดสนิทกว่า ไพลินไทย หรือคล้ายไพลินไทย แต่ไม่

มีลักษณะเนื้อ กํามะหยี่ปนอยู่เลย อาจมีสีเขียวปนบ้างไม่ค่อยเป็นที่นิยมในตลาด

 

จากที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นการแบ่งไพลินตามแหล่งกำเนิดซึ่งเป็นลักษณะที่พบได้บ่อยของแต่ละบ่อแต่ไม่ใช่หมายความว่าทุกเม็ดจากบ่อนั้นต้องเป็นสีแบบนี้เท่านั้นเพียงแต่เคยพบพลอยสีงามน้ำหนึ่งในแหล่งนั้นตามที่กล่าวข้างต้นก็จัดให้ชื่อตามระดับคุณภาพทางการค้าตามชื่อแหล่งนั้น กล่าวคือใช้ชื่อแหล่งเป็นพื้นฐานของคุณภาพสีนั่นเอง โดยสรุปแล้วราคาของพลอยนั้นใช้สีเป็นตัวประกอบที่สําคัญที่สุด มิได้หมายถึงแหล่งเลย นอกจากนี้ความนิยมชมชอบสีในแต่ละเชื้อชาติจะแตกต่างกัน แต่สีซึ่งเป็นสีคุณภาพดีที่สุดคือ สีน้ำเงินเข้มอมม่วงเล็กน้อย สีโทนปานกลาง ไม่มืดมาก และไม่สว่างมากเกินไป บวกกับความสุกใสมีประกายมีชีวิตชีวานั่นเอง 

 

 

ซื้อไพลินต้องดูยังไง?

  1. สีเป็นสําคัญ ตามมาด้วยมลทิน การเจียระไน และขนาด ให้คํานึงเปรียบเทียบถึงความสัมพันธ์ของ ตัวประกอบเหล่านี้ว่าเหมาะสมต่อความสวยงามหรือ ไม่อย่างไร แต่ถ้าองค์ประกอบเหล่านี้มีครบ ราคาก็จะ แพง ไพลินที่มีสีสวยที่สุดคือ สีน้ำเงินอมม่วงเล็กน้อย โทนสีไม่มีดมากปานกลางมีเนื้อกํามะหยี่ มีความสุกใส มีประกายแวววาวดี ควรดูความสม่ำเสมอของสีด้วย สีที่ไม่สม่ำเสมอในเนื้อพลอยจะทําให้ราคาตกลงไพลิน ที่มีโทนสีมืด สีมีความเข้มมากเกินไปจนมองดูดํามืด และไพลินที่มีโทนสีสว่างอ่อนเกินไปจะสวยน้อยและมี ราคาไม่แพง ดังนั้นถ้ามีงบประมาณไม่มากนักควรเลือกไพลิน โทนสีค่อนข้างสว่าง ความเข้มของสีกําลังดีเพราะราคา จะถูกลง แถมยังทําให้มองดูสวยภายใต้แสงไฟ เนื่อง จากมีความสุกใสกว่าไพลินที่มีโทนสีมืดคล้ำ แต่อย่า เลือกไพลินโทนสีสว่างโล่งเกินไป หรือความเข้มของ สีน้อยเกินไป เพราะจะมองดูไม่สวยสง่าเหมือนไพลิน ที่มีความเข้มของสีมากกว่า กล่าวคือให้มีความเข้ม ของสีน้ำเงินอยู่และมีโทนสีสว่างบ้างมิใช่เป็นสีน้ำเงิน อ่อนจนเป็นสีฟ้า แถมมีโทนสีสว่างด้วย 

 

  1. มลทิน ตําหนิ เมื่อสังเกตดูสีจนเป็นที่พอใจ แล้วให้ดูว่า ไพลินนั้นสะอาด เมื่อมองด้วยตาเปล่าแล้ว มองเห็นมลทินตําหนิภายในหรือไม่ ถ้ามองไม่เห็น มลทินด้วยตาเปล่าก็ถือว่าใช้ได้ ไพลินที่มีมลทินอยู่ ภายในเนื้อเป็นข้อบ่งชี้ว่าเป็นของธรรมชาติ แต่ต้องดู แยกให้ออกว่าเป็นมลทินธรรมชาติหรือมลทินสังเคราะห์ (ทําขึ้น) การดุมลทินมักจะต้องใช้แว่นขยาย 10 เท่า ขึ้นไป หรือกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งผู้ชํานาญเท่านั้นจึงจะ สามารถแยกออกจากกันได้ว่าเป็นมลทินธรรมชาติหรือ มลทินสังเคราะห์ ไพลินธรรมชาติที่ใสสะอาดไร้มลทิน จะหาได้ยากมาก ดังนั้นถ้าพบไพลินเช่นนี้อย่าได้วางใจ มีอยู่ 2 กรณี คืออาจจะเป็นมลทินขนาดเล็กๆ ซึ่งเป็น มลทินของแท้ ซ่อนตัวอยู่ภายในเนื้อพลอยจนมองไม่ เห็นด้วยตาเปล่า และมองเห็นแต่เส้นโค้งเป็นชิ้นบางๆ ซึ่งเป็นไพลินสังเคราะห์ก็ได้ ดังนั้นจึงไม่แนะนําให้ซื้อ ไพลินที่ใสสะอาดไร้มลทินเพราะหายากมากนั่นเอง ถึง แม้จะมีก็ราคาแพงมาก แถมอาจจะเจอเอาพลอย สังเคราะห์ด้วย ดังนั้นแทนที่จะจ่ายเงินเพื่อความสวย งาม กลับจ่ายเงินด้วยความไม่รู้ เพื่อความหายากซึ่ง ไม่ควรตําหนิมลทินที่ไม่ถึงกับบดบังความสวยงามหรือ ทําให้พลอยแตกร้าวก็ถือเป็นใช้ได้ ควรเลือกไพลินที่ มีความโปร่งใสหน่อย เพราะจะทําให้พลอยดูมีประกาย มีชีวิตชีวาขึ้น 
  2. การเจียระไน ไพลินที่มีการเจียระไนได้สัดส่วน ถูกต้อง สวยงาม พร้อมกับมีการเจียระไน โดยให้การ วางตัวของโต๊ะหน้าพลอย ที่จะให้ได้ไพลินสีสวยที่สุด คือ เจียระไนโดยให้โต๊ะหน้าพลอยวางตัวในทิศทางที่ จะให้สีน้ำเงินอมม่วงหรือน้ำเงิน ไม่ใช่น้ำเงินอมเขียว รูปร่างของหน้าพลอยถ้าเป็นกลมก็กลมสวย ไม่เบี้ยว ถ้าเป็นทรงไข่ก็ไข่สวย ไม่บิดเบี้ยว มีความสมมาตร 

มีขอบพลอยขนาดพอดี และมีขนาดก้นพลอยไม่ยาว หรือสั้นจนเกินไป และฝีมือประณีตในการเจียระไนจะ ดูได้จากลักษณะเหลี่ยมคมของแต่ละหน้านั้น มีความ คมชัดเรียบสวยงาม ไม่แตกขรุขระ แต่ละหน้าเหลี่ยม พลอยมีรูปร่างดี ไม่บิดเบี้ยวแตกต่างกัน ความสวยงาม ของไพลินจะลดน้อยลงมาก ถ้าขาดการเจียระไนที่ดี ดังนั้นควรจะพิจารณาดูอย่างง่ายๆ ว่า ไพลินที่ซื้อนั้น มีกันพลอยที่ได้ระยะพอดี ไม่ยาวหรือสั้นเกินไป จนดู แปลกตา ลักษณะกันพลอยและหน้าเหลี่ยมต่างๆ ไม่ บิดเบี้ยว มีความสมมาตรดี มีเหลี่ยมเจียระไนคม ชัดเจน ดีเป็นอันว่าใช้ได้ 

 

ข้อควรระวังในการเลือกซื้อไพลิน 

  1. ให้ระวังพลอยสีน้ำเงิน สีฟ้า โดยที่คนส่วนใหญ่ อาจเข้าใจผิดว่าเป็นไพลิน ทําให้ซื้อมาผิดๆ หรือไม่ก็ ซื้อมาในนามของไพลิน ราคาไพลิน แต่จะเป็นพลอย ชนิดอื่น เช่นอาจไปซื้อเอาแทนซาไนท์ ไคยาไนต์ เพทายสีฟ้า อะความารีน คาลซิโดนีสีฟ้า หรือ ทัวร์มาลีนสีน้ำเงิน เป็นต้น 
  2. ให้ระวังไพลินสังเคราะห์ เนื่องจากมีคุณสมบัติ ทางกายภาพ และทางแสงเหมือนกับของแท้หมด แถม ถ้าเป็นชนิดที่มีมลทินแล้ว มลทินนั้นยังดูคล้ายของแท้ เสียอีก สร้างความปวดหัวให้กับนักตรวจเพชรพลอย ไปตามๆ กัน ดังนั้นถ้าสงสัย ไม่แน่ใจ ส่งมาเข้าห้อง ตรวจสอบเพชรพลอยเสียก่อน 
  3. ให้ระวังไพลินเผาเคลือบสีผิว (Diffusion) ซึ่งมักเป็น ไพลินสีอ่อน ใสไม่สวย หรือพลอย White Sapphire นํามาเคลือบเผาย้อมสีที่ผิว ไพลินเหล่านี้จะมองเห็นความผิดปกติของสีกระจาย เป็นหย่อมๆ อยู่ในเนื้อพลอยหรือผิวพลอย 
  4. ให้ระวังไพลินประกบ อาจจะประกบระหว่าง ของแท้กับของแท้ เพื่อให้ไดขนาดใหญ่หรือ ประกบระหว่างไพลินธรรมชาติกับไพลินสังเคราะห์ ให้สังเกตว่า มีแนวระนาบแบ่งชั้นพลอยอยู่หรือไม่ ที่ขอบ พลอยมีลักษณะของรอยต่อหรือไม่ มองพลอยจากด้านบนแล้ว ไม่ทะลุผ่านถึงก้นพลอยหรือไม่  
  5. ไพลินที่ผ่านกระบวนการเพิ่มคุณภาพ โดย ให้ความร้อนที่เรียกว่าพลอยเผานั้น ถือว่าเป็นเรื่อง ปกติเหมือนกับการนําพลอยมาเจียระไนนั่นเอง 
  6. สําหรับพลอยสาแหรกนั้น ส่วนใหญ่จะเป็น สีดําหรือสีน้ำเงินเทา ให้เลือกดูว่าดาวมีขาครบลักษณะดาวอยู่ตรงกลางพลอย และมีการเจียระไนได้สัดส่วนดี คือมีส่วนกันไม่หนาเกินไปพลอยสาแหรกจะต้องเจียระไนเป็นหลังเบี้ย หรือหลังเต่าเท่านั้นเพื่อให้เกิดดาว

 

ไพลินแบบไหนน่าสะสม?

เมื่อเลือกได้สีที่ถูกใจแล้ว เช่น บางคนอาจชอบ สีน้ำเงินเข้มขรึม บางคนอาจชอบสีน้ำเงินอ่อนออกฟ้า บางคนชอบน้ำเงินอมม่วง บางคนชอบน้ำเงินอมเขียว จะเลือกสีไหนก็แล้วแต่ เพราะก็ทราบกันแล้วว่าสี คุณภาพที่ดีที่สุดคือสีอะไร แต่ให้พยายามเลือกไพลินที่ มีโทนสีค่อนข้างสว่าง แต่ก็มิใช่สว่างโล่งเกินไป เพราะ ราคาจะถูกลง แถมยังทําให้มองดูสวยภายใต้แสงไฟ เพราะมีความสุขใส มีประกายแวววาวดีกว่าไพลินที่มี โทนสีมืด แต่อย่าเลือกไพลินที่มีความเข้มสีน้อยเกิน ไป คือไพลินสีอ่อน เพราะจะมองดูไม่สวย ไม่ขรึมสง่า เหมือนไพลินที่มีความเข้มของสีสูงและขนาดก็ควรจะ เลือกขนาดต่ำกว่า 2 กะรัตลงมา เพราะขนาดใหญ่ เพิ่มกว่า 1 กะรัตขึ้นไป ราคาจะแพงขึ้นเป็นเท่าตัวใน คุณภาพเดียวกัน ไพลินขนาด 1 กะรัต สีสวยที่ขายอยู่ ในตลาด ใส ไร้มลทิน ราคาต่อกะรัตประมาณ 20,000 - 60,000 บาท ก็น่าจะเป็นคุณภาพที่เหมาะสมต่อการ เลือกซื้อหามาใช้ ยกเว้นไพลินสีสวยล้ำเลิศที่หนึ่งและมีขนาดใหญ่ อาจมีราคาต่อกะรัตได้ถึงประมาณ 100,000-500,000 บาท หรือหากเป็นพลอยหายากมากๆก็อาจเป็หลักล้านถึงหลายๆล้านได้เลย

 

ในการซื้อพลอยนั้นควรเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่ไหนน่าเชื่อถือ จุดสังเกตข้อที่ 1.ผู้ที่ขายสามารถให้ข้อมูลพลอยได้อย่างถูกต้อง 2. มีการรับประกันพลอยแท้ เช่น ออกใบรับประกันจากทางร้าน และ สามารถส่งพลอยเข้าห้องปฏิบัติการเพื่อออกใบตรวจสอบอัญมณีเพื่อให้เกิดความสบายใจทั้งผู้ซื้อผู้ขายว่าพลอยที่ผู้ขายได้ขายไปนั้นเป็นพลอยธรรมชาติแท้อย่างแน่นอน  3. ผู้ขายหรือร้านค้ามีตัวตนและหลักแหล่งแน่นอน โดยเฉพาะข้อที่ 2 นั้นสำคัญที่สุดเนื่องจากหากร้านค้ามีการออกใบรับประกันพลอยว่าเป็นพลอยชนิดไหนมีการปรับปรุงคุณภาพหรือไม่หากส่งแลปตรวจและผลออกมาไม่ตรงสามารถนำใบรับรองจากทางร้านพร้อมผลตรวจอัญมณีกลับไปที่ร้านค้าเพื่อทำการคืนเงินได้ทันทีโดยไม่มีการหักค่าใช้จ่าย ดังนั้นหากร้านที่เราเลือกซื้อพลอยมีคุณสมบัติครบถ้วนตามนี้ก็มั่นใจได้เลยว่าเราได้เลือกซื้อกับผู้ค้าที่มีคุณภาพและตรงไปตรงมากับเราอย่างแน่นอน จากนี้ก็ขอให้สนุกกับการเลือกซื้ออัญมณีที่เหมาะกับคุณครับ  ขอบคุณ และ สวัสดีครับ

 

 

Author: Bank @ Gemsbank

IG: @gemsbank.bkk @axorajewellery @axora.boutique

 

สินค้าที่เกี่ยวข้อง